เสียวหมี่ ประเทศไทย เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ‘Xiaomi 13T Series co-engineered with Leica’
เสียวหมี่ ประเทศไทย เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ‘Xiaomi 13T Series co-engineered with Leica’
ในคอนเซ็ปต์ Masterpiece in sight วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 15,990 บาท
พร้อมให้สั่งจองเป็นเจ้าของแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึง 6 ตุลาคมนี้!
มร. อเล็กซ์ ถัง ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เสียวหมี่ อินเตอร์เนชั่นแนล และผู้จัดการ เสียวหมี่ ประเทศไทย กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างแบรนด์และดำเนินธุรกิจของเรา ทำให้เสียวหมี่ยังคงครองตำแหน่งสมาร์ทโฟนยอดนิยมอันดับ 3 ของโลก นอกจากนี้ แบรนด์เสียวหมี่ยังถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 50 บริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดแห่งปี จากบริษัท Boston Consulting Group หรือ BCG และยังติดอันดับเป็น 1 ใน 500 แบรนด์ของ Fortune Global 500 ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 อีกด้วย ความสำเร็จเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากขาดแรงสนับสนุนจากแฟนๆอันเป็นที่รักของเรา และเพื่อทำตามเจตนารมณ์หลักของแบรนด์ที่มุ่งหวังให้ทุกคนบนโลกสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ เสียวหมี่จึงเดินหน้าทุ่มงบกว่า 2 หมื่นล้านหยวนในด้านการพัฒนาและวิจัย รวมไปถึงยังครอบครองสิทธิบัตรกว่า 33,000 ฉบับในด้านสมาร์ทโฟน ฮาร์ดแวร์อัจฉริยะ AIoT และในด้านอื่นๆ อีกมากมายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ลูกค้าของเราได้ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ดีที่สุด อย่างในปีที่แล้วเราได้เริ่มต้นความร่วมมือกับ Leica อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการผสานเอาความเชี่ยวชาญของทั้ง 2 ฝ่ายในด้านประสิทธิภาพทางการถ่ายภาพและเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟนเพื่อความก้าวหน้าในการยกระดับประสิทธิภาพการถ่ายภาพบนมือถือขึ้นไปอีกขั้น โดย Xiaomi 13T Series co-engineered with Leica เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดซึ่งมาในคอนเซ็ปต์ Masterpiece in sight ที่เราพร้อมส่งมอบนวัตกรรมของเราสู่ผู้บริโภคให้ได้ลองสัมผัส”
สมาร์ทโฟน Xiaomi 13T Series co-engineered with Leica
สมาร์ทโฟนเรือธง Xiaomi 13T Series co-engineered with Leica ชูความโดดเด่นในการถ่ายภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Masterpiece in sight’ โดยทั้ง Xiaomi 13T Pro และ Xiaomi 13T มาพร้อมระบบกล้องสามตัวพร้อมเลนส์ Summicron ที่ออกแบบร่วมกับ Leica (Summicron lenses co-engineered with Leica) และยังมาพร้อมกับเลนส์ไวด์ 50MP ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 24 มม. (50MP wide angle camera with 24mm equivalent focal length) และเลนส์ aspherical 7P (7P aspherical lens) และเลนส์เทเลโฟโต้ 50MP ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม. (50MP telephoto lens with 50mm equivalent focal length) นอกจากนี้ยังมีเลนส์อัลตร้าไวด์ 12MP ที่มีความยาวโฟกัสเทียบเท่ากับ 15 มม. (12MP ultra-wide-angle camera with 15mm equivalent focal length) และยังมาพร้อมสไตล์การถ่ายภาพ Leica แบบดั้งเดิมสองแบบ ได้แก่ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look อันเป็นเอกลักษณ์สุดคลาสสิกจาก Leica พร้อมฟิลเตอร์ Leica อีกหกแบบ รวมไปถึง Leica Sepia และ Leica Blue รุ่นล่าสุดที่ถูกดัดแปลงมาจากโหมดฟิล์ม LeicaM-Typ240 นอกจากนี้ Xiaomi 13T Pro ยังรองรับการบันทึกวิดีโอแบบ 8K ในขณะที่ Xiaomi 13T นั้นรองรับการบันทึกวิดีโอ 4K พร้อมการตัดต่อที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Xiaomi 13T Pro และ Xiaomi 13T มาพร้อมหน้าจอแสดงผล CrystalRes ขนาดหน้าจอ 6.67 นิ้ว รองรับอัตราการรีเฟรช สูงสุด 144Hz2 และความละเอียด 1.5K (2712 x 1220) Xiaomi 13T Series ให้ความสว่างสูงสุด 2,600nits3 นอกจากนี้ยังให้ความครอบคลุม DCI-P3 100%4 พร้อมรองรับสี 68 พันล้านสี โดยให้ความเข้ากันได้แบบ end-to-end HDR10+ ที่ช่วยแสดงรายละเอียดและให้ความสมดุลของความอิ่มตัวของสีมากขึ้น นอกจากนี้ Xiaomi 13T Series ยังรองรับ Dolby Atoms® พร้อมลำโพงคู่ในตัว เพื่อให้คุณสามารถดื่มด่ำไปทุกความบันเทิงได้อย่างเต็มที่
Xiaomi 13T Pro นั้นขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200+ พร้อม CPU Octa-core ที่ให้ความเร็วสูงสุด 3.35GHz นอกจากนี้ยังมี Arm Immortalis-G715 GPU ในตัว ที่ทำการปรับปรุงการประมวลผลภาพเพื่อให้ประสบการณ์การเล่นเกมมีความราบรื่นและหมดกังวลเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ในขณะที่ Xiaomi 13T มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200-Ultra เพื่อประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ยอดเยี่ยมโดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 4 นาโนเมตรล่าสุดจาก TSMC ทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของทั้ง CPU และ GPU ได้ ทั้งนี้การกระจายความร้อนบน Xiaomi 13T Series ยังได้รับการปรับปรุงด้วยแผ่นแช่สแตนเลส VC (VC stainless steel soaking plate) ขนาด 5,000 ตารางมิลลิเมตร เพื่อให้มั่นใจว่าโทรศัพท์จะคงไว้ซึ่งความเย็น
Xiaomi 13T Series มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh (typ) battery โดย Xiaomi 13T Pro รองรับการชาร์จ Xiaomi 120W HyperCharge ซึ่งสามารถชาร์จเต็ม 100% ได้ในเวลาเพียง 19 นาที3 ในขณะที่ Xiaomi 13T รองรับเทอร์โบชาร์จ 67W นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมีความทนทานและสามารถกันน้ำและฝุ่น5 ในระดับ IP68 จึงทำให้สมาร์ทโฟนมานั้นทั้งสวยและทนทานยิ่งขึ้นไปอีก
Xiaomi 13T Pro และ Xiaomi 13T มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Alpine Blue, Meadow Green และ Black
Xiaomi 13T Pro รุ่นความจุ 12GB+512GB วางจำหน่ายในราคา 19,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
Xiaomi 13T Pro รุ่นความจุ 16GB+1TB วางจำหน่ายในราคา 23,990 บาท ที่ Xiaomi Store และช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสมาร์ทโฟน Xiaomi 13T Pro ล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 6 ตุลาคม 2566 รับฟรี! Xiaomi Watch S1 และ 120W Adapter รวมมูลค่าของสมนาคุณ 8,589 บาท1 (จำนวนจำกัด 1,000 ชิ้น)
Xiaomi 13T รุ่นความจุ 12GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 15,990 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสมาร์ทโฟน Xiaomi 13T ล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 6 ตุลาคม 2566 รับฟรี! Xiaomi Watch S1 และ 67W Adapter รวมมูลค่าของสมนาคุณ 8,089 บาท1 (จำนวนจำกัด 1,000 ชิ้น)
โดย Xiaomi 13T Series จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางร้านค้าออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม
Xiaomi Smart Band 8: เมื่อประสิทธิภาพของกีฬาผสานเข้ากับการออกแบบอย่างลงตัว
Xiaomi Smart Band 8 เป็นอุปกรณ์รุ่นล่าสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟิตเนสจากเสียวหมี่ โดยมีโหมดกีฬามากกว่า 150 โหมด ซึ่งตัวอุปกรณ์ยังสามารถมอนิเตอร์และบันทึกข้อมูลสถิติการออกกำลังกายแบบเรียลไทม์ และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการวิ่ง คุณสามารถติดตั้ง ‘โหมด Pebble’ เข้ากับเชือกรองเท้าเพื่อตรวจสอบข้อมูลการวิ่งอย่างละเอียดและประเมินท่าทางการวิ่งที่เหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้ Xiaomi Smart Band 8 ยังสามารถมอนิเตอร์ SpO2, การตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจตลอดทั้งวัน, การตรวจวัดการนอนหลับ, การตรวจวัดความดันโลหิต หรือแม้แต่การบันทึกและการคาดการณ์รอบประจำเดือนของผู้หญิง6 ได้อีกด้วย
Xiaomi Smart Band 8 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Apollo 4 Blue Lite มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 190mAh ให้คุณสามารถใช้งานทั่วไปได้ยาวนานสูงสุด 16 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ฟีเจอร์การชาร์จเร็วแบบใหม่ยังช่วยลดเวลาในการชาร์จให้เหลือเพียงหนึ่งชั่วโมง7 เท่านั้น นอกจากนี้ Xiaomi Smart Band 8 ยังมาพร้อมระดับการกันน้ำ 5ATM8 จึงทำให้คุณสามารถสวมใส่ในสภาพแวดล้อมและกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวล และยังมีหน้าจอแสดงผล AMOLED ที่ให้ความละเอียดสูงขนาด 1.62 นิ้ว ฝาครอบกระจก CORNING GG3 และกรอบพื้นผิวเมทัลลิก NCVM ที่ผู้ใช้สามารถเลือกได้ระหว่างตัวเลือกสี Graphite Black หรือ Gold
Xiaomi Smart Band 8 มาพร้อมกับตัวเลือกหน้าปัดนาฬิกาที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้ากว่า 200 แบบ รวมถึงตัวเลือกตามธีมเกมต่างๆ ที่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งอุปกรณ์ให้เหมาะกับอารมณ์และสไตล์ของตนเองได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้การออกแบบสายรัดแบบปลดเร็ว (quick-release strap design) ยังช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นในการสวมใส่อุปกรณ์นี้ให้เข้ากับโอกาสต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
Xiaomi Smart Band 8 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Graphite Black และ Gold วางจำหน่ายแล้ววันนี้ในราคา 1,490 บาท ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อในระหว่างวันที่ 27 กันยายน - 31 ตุลาคม 2566 สามารถซื้อได้ในราคาพิเศษเพียง 1,190 บาทเท่านั้น1
No comments