Header Ads

ประชาสังคมภาคใต้ ห่วงนโยบายเพิ่มพื้นที่น้ำเมา - กาสิโน หวั่นกระทบสุขภาพ ความสงบสุข และคุณภาพชีวิตของประชาชน จี้ออกกฎหมายให้รอบคอบ

ประชาสังคมภาคใต้ ห่วงนโยบายเพิ่มพื้นที่น้ำเมา - กาสิโน หวั่นกระทบสุขภาพ ความสงบสุข และคุณภาพชีวิตของประชาชน  จี้ออกกฎหมายให้รอบคอบ  ให้ประชาชนมีส่วนร่วม  ไม่เอื้อนายทุน ปกป้องเด็กเยาวชน กลุ่มเปราะบาง  

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ที่ โรงแรมปุระนคร จ.นครศรีธรรมราช ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชนภาคใต้ ร่วมกับ สภาประชาชนภาคใต้ คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนภาคใต้ เครือข่ายรักษ์พะโต๊ะ-ระนอง เครือข่าย save นาบอน ศูนย์สร้างจิตสำนึกนิเวศน์วิทยา เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคใต้ตอนบน - ตอนล่าง เครือข่ายชาวเลอันดามัน สมาคมประชาสังคมพังงาแห่งความสุข เครือข่ายประมงพื้นบ้านภาคใต้ เครือข่ายยุวชนสร้างสรรค์สุราษฎร์ธานี เครือข่ายผู้หญิงเพื่อสุขภาพ เครือข่ายการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรม ขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดนครศรีธรรมราช จัดประชุมระดมความคิดเห็นและประเมินผลกระทบเชิงนโยบายที่ส่งผลต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ภาคใต้  


นายไมตรี จงไกรจักร์ สมาคมประชาสังคมพังงาแห่งความสุข  กล่าวว่า ตามที่ทางรัฐบาลได้มีแนวนโยบายสร้างกาสิโน  เอนเตอร์เทนเม้นคอมแพล็กซ์  และการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยง  ลดทอนการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  เปิดเสรีมากขึ้น  โดยปัจจุบันนี้ทั้งสองเรื่องอยู่ในการพิจารณาของรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัตินั้น  โดยทางเครือข่ายที่เข้าร่วมประชุม ได้ประชุมกันเพื่อประเมินผลกระทบของนโยบายสาธารณะ ทั้งสองกรณี ทางเครือข่ายฯ มีข้อกังวลหลายประการด้วยกัน เช่น  ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียโดยทางตรงและทางอ้อม  มีส่วนร่วมในการตราร่างกฎหมายดังกล่าว น้อยมากทั้ง ๆ ที่เป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง  มิได้มีการประเมินผลกระทบอย่างรอบด้าน อีกทั้งมิได้กำหนดแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันเด็กและเยาวชน และลดความสูญเสียจากการติดการพนันและการขาย-ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เสรีมากขึ้น  


ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ มีเจตนาที่จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ แต่พบว่าละเลยที่จะให้ความสำคัญด้านความสูญเสียด้านครอบครัว/สังคม ด้านสุขภาพ และด้านคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งทางเครือข่ายฯเห็นว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจนั้น ประเทศไทยยังมีศักยภาพอีกหลายด้านที่สามารถพัฒนาด้านเศรษฐกิจได้  เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และวัฒนธรรม การจัดการผลผลิตทางการเกษตรและประมงมูลค่าสูง กระจายการผลิตพลังงานสะอาดให้ระดับครัวเรือน เป็นต้น   เป็นร่างกฎหมายที่ส่งผลให้เกิดการผูกขาดในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งทางเครือข่ายฯเล็งเห็นว่า ผลประโยชน์เกือบทั้งหมดนั้น จะตกอยู่ในเงื้อมมือของกลุ่มทุนขนาดใหญ่เป็นหลัก โดยมิได้กระจายรายได้ไปสู่ชุมชนฐานรากแต่อย่างใด  ซ้ำยังจะสร้างภาระด้านงบประมาณของแผ่นดินในส่วนที่จะต้องนำมาดูแลเยียวยาผู้เดือดร้อนและผู้ได้รับผลกระทบจากการเล่นการพนันและความสูญเสียจากการขายและดื่ม 


ด้านนายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพ (ขสช.) ภาคใต้ กล่าวว่า จากการระดมความคิดเห็น  เครือข่ายมีความเห็นและข้อเสนอถึงรัฐบาล  สภาผู้แทนราษฎร  และคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. .... ดังนี้  1. ขอให้ชะลอกระบวนการกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ แล้วให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 ที่ว่าด้วยก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ หน่วยงานของรัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องและวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์นั้นแก่ประชาชน และนำผลนั้นมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน   ให้มีการมีส่วนร่วมให้กว้างขวางที่สุด  2. ขอให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจในมิติอื่น ๆ  ที่ไม่เป็นการทำลายสุขภาพ และไม่มอมเมาประชาชน เช่น การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและวัฒนธรรม การพัฒนามูลค่าผลผลิตทางการเกษตร การประมง การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชนให้มีความสามารถแข่งขันในตลาดระดับโลก เพื่อเพิ่มรายได้และกระจายรายได้นี้ไปถึงชุมชนท้องถิ่นอย่างแท้จริง   3.ขอให้การพิจารณากฎหมาย ทั้ง 2 ประเด็น ไม่ดำเนินการใดๆ อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน   มุ่งปกป้องเด็ก เยาวชนกลุ่มคนเปราะบาง  คุ้มครองสุขภาพของประชาชนและลดผลกระทบทางสังคม 







No comments

Theme images by sololos. Powered by Blogger.