พระพยอม ชี้สังคมไทยศีลธรรมอ่อนแอลง เหตุผู้นำประเทศมองแต่เศรษฐกิจ ดันหนุนคนดื่มเหล้ายันสว่าง
พระพยอม ชี้สังคมไทยศีลธรรมอ่อนแอลง เหตุผู้นำประเทศมองแต่เศรษฐกิจ ดันหนุนคนดื่มเหล้ายันสว่าง รอเกิดมิคสัญญีก่อนค่อยสำนึกกัน ด้าน “มูลนิธิเมาไม่ขับ” เผยหลังรัฐมีงดขายน้ำเมาวันพระใหญ่ ทำอุบัติทางถนนในวันสำคัญทางศาสนาลดฮวบ เฉลี่ย 20 รายต่อวัน ยันไม่ควรยกเลิกวันห้ามขาย
“การสนับสนุนให้คนทำแบบนี้ เป็นการทำให้ทุกวันนี้ความเข้มแข็งทางด้านศีลธรรมอ่อนแอลงเรื่อย ๆ มันอ่อนลงจากผู้นำประเทศ มันไม่มีเจ้าภาพคิดทำเรื่องพัฒนาศีลธรรม เหมือนเช่นผู้นำในอดีต ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ต้องรอไปจนกว่าจะเกิดมิคสัญญี ฆ่ากันเป็นผักเป็นปลาก่อน ถึงจะรู้สึก ทุกวันนี้คนดีทำได้แค่เพียงแค่อยู่ให้เอาตัวรอดให้ได้เท่านั้น” พระราชธรรมนิเทศ กล่าว
ด้าน นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางมูลนิธิเมาไม่ขับได้รวบรวมข้อมูลการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงวันหยุดสำคัญทางพระพุทธศาสนาพบว่า ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติทางถนนเฉลี่ยวันละ 46 คน กว่า ร้อยละ 60 ของผู้เสียชีวิต พบว่า มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเกิดเหตุ แต่หลังจากที่รัฐบาลประกาศห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา 5 วัน ได้แก่ วันวิสาขบูชา วันมาฆบูชา วันอาสหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา พบว่า สถิติผู้เสียชีวิตใน 5 วันดังกล่าวลดลงไปเฉลี่ย 20 คน เมื่อเทียบกับวันธรรมดา ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขของวันเลือกตั้งที่กำหนดให้เป็นวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ด้วย ก็เป็นไปในทำนองเดียวกันกับวันพระใหญ่ ตัวเลขการเสียชีวิตจาดอุบัติทางถนนที่ลดลงอย่างมาก นี่เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ว่า ถ้ามีการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เหมาะสม จะช่วยลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องคนไทยได้ โดยปราศจากข้อโต้แย้ง จึงไม่ควรยกเลิกวันห้ามขายตามที่กลุ่มธุรกิจเรียกร้อง
“ความเป็นจริงแล้ว วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา กฎหมายไม่ได้ห้ามดื่ม แต่ห้ามการจำหน่าย จึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิประชาชนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามปีหนึ่งมี 365 วัน งด 5 วันเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา จะเป็นการดีต่อสุขภาพและประหยัดเงินในยามเศรษฐกิจขาลงด้วย และในทางกลับกันผู้ประกอบการร้านเหล้าผับบาร์ก็ยังได้ใช้โอกาสนี้ในการกำหนดให้เป็นวันพักผ่อนของพนักงานอีกด้วย ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศเชื่อว่าก่อนการเดินทางเข้าประเทศไหน ๆ ทุกคนได้วางแผนและศึกษาบริบท กฎหมายของแต่ละประเทศนั้นมาเป็นอย่างดีอยู่แล้ว และที่สำคัญการกินดื่มไม่ได้นับเป็นแรงจูงใจหลักในการเข้ามาท่องเที่ยวบ้านเราเลย” ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าว
No comments